ว่ากันว่า
กาแฟคือพืชเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าการตลาดสูงสุดของพืชทั้งหมด ในโลกใบนี้ และมีมูลค่าการตลาดเป็นอันดับสอง รองจากน้ำมัน เป็นเรื่องยากที่จะแสดงประวัติศาสตร์กาแฟอย่างแท้จริงได้ ซึ่งครั้งแรกที่มนุษย์ได้รู้จักกับกาแฟ ถูกพูดถึงอยู่ในบันทึกการค้าที่พบในคาบสมุทรอาหรับ ช่วงศตวรรษที่ 15 เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผลไม้ที่มีลักษณะคล้าย ผลเชอรี่ ในประเทศเอธิโอเปีย
การขยายพันธุ์ของกาแฟในช่วงแรก
เมื่อเริ่มต้นการปลูกกาแฟ เป็นพืชที่นิยมอย่างมากในตะวันออกกลางและประเทศแรกทีตอบรับกาแฟเป็นแห่งแรกคือเยเมน ก่อนที่กาแฟจะกลายเป็นเครื่องดื่ม
กาแฟส่วนใหญ่เป็นของรับประทานทางศาสนาของกลุ่มผู้นับถือนิกายซูฟี โดยการเคี้ยวเมล็ดกาแฟ ชาวอาหรับเยเมนนำกาแฟมาปลูกบริเวณเทือกเขาทางตอนเหนือของเยเมน
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเหมาะสมต่อการปลูกกาแฟอย่างมาก กาแฟที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแอฟริกานี้จึงได้ชื่อว่า
อาราบิก้า และทำให้เยเมนสามารถผูกขาดการขายกาแฟได้เป็นเวลานานถึง
๒ ศตวรรษครึ่ง ก่อนจะสูญเสียการผูกขาดให้แก่ชาติยุโรป
กาแฟได้เข้าสู่ยุโรปครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่
๑๖ ผ่านทางการค้าขายระหว่างเวนิสกับแอฟริกาเหนือ อียิปต์ และดินแดนในตะวันออกกลาง
ร้านกาแฟแห่งแรกได้เกิดขึ้นในอิตาลีในปี
ค.ศ. ๑๖๔๕ ในอังกฤษช่วงประมาณทศวรรษ ๑๖๕๐ และในอัมสเตอร์ดัมทศวรรษ ๑๖๖๐
ซึ่งร้านกาแฟแบบยุโรปนี้ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์บรรยากาศของร้านกาแฟแบบอิสลามที่เป็นเสมือนแหล่งมั่วสุมเป็นสถานที่สวยงามและเป็นทางการ
นอกจากการเป็นสถานที่ดื่มกาแฟแล้ว
ร้านกาแฟยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยใหม่ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
การดื่มกาแฟในช่วงแรกจะเป็นลักษณะของการรักษาโรคเป็นหลัก
เมื่อต่อมาได้มีเจ้าของร้านกาแฟในเวียนนา ชื่อ เกออร์ก คอลชิตสกี (Georg
Kolshitski) ได้คิดวิธีปรุงกาแฟขึ้นใหม่โดยการกรองเอากากกาแฟออก
ทำให้กาแฟเหลวเป็นน้ำ และเติมน้ำผึ้งกับนมลงไป วิธีการปรุงกาแฟครั้งนี้ได้รับความนิยมและแพร่กระจายไปทั่วทั้งยุโรปผ่านทางพ่อค้าหลายชาติ
ทำให้ชาวยุโรปหลายประเทศคิดค้นการปรุงกาแฟขึ้นหลากหลายวิธีทั้งการชง
การคั่ว และการผสมกาแฟ เช่น อื่นๆตามมาอีกหลากหลายวิธีกาแฟกับทวีปอเมริกา
เครื่องดื่มกาแฟได้สร้างความนิยมในเกาะอังกฤษ
แต่ไม่นานชาวอังกฤษก็หันมานิยม ดื่มชา และถึงแม้ว่า ชาในช่วงแรกมีราคาแพงกว่ากาแฟมากจนมีเพียงแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถหาดื่มได้
ต่อมากาแฟกับช็อกโกแลตได้รับความนิยมมากขึ้นในภาคพื้นทวีปยุโรป และเทศสหรัฐ จึงค่อยๆ เพิ่มปริมาณการบริโภคขึ้นเรื่อยๆ
จนกาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของอเมริกา
จากเมล็ดมาสู่ผงกาแฟ
การขนส่งและเก็บรักษากาแฟก่อนศตวรรษที่ ๑๙
นั้นยังคงไม่มีค่อยมีประสิทธิภาพ ทำให้เมล็ดกาแฟที่ขนส่งไปยังท่าเรือกาแฟแรกๆ มีคุณภาพไม่ดีนักจากการที่น้ำทะเลสามารถไหลเข้าไป อีกทั้งเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วจะสูญเสียรสชาติไปเมื่อเก็บไว้นานและกาแฟที่บดแล้วก็สูญเสียกลิ่นอย่างรวดเร็ว
ทำให้เมล็ดกาแฟสดเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะสามารถเก็บรักษาได้นานหลายเดือน
ถึงแม้ผู้บริโภคจะไม่ค่อยใส่ใจถึงรสชาติหรือคุณภาพของกาแฟนัก
แต่ก็มีการพัฒนาและสร้างมาตรฐานคุณภาพของกาแฟทั้งทางด้านการขนส่ง การคั่ว การบด
และการชง จากการที่แหล่งปลูกกาแฟหลักๆ ในทวีปอเมริกา พ่อค้ากาแฟจึงคิดค้นวิธีการทำให้กาแฟยังมีรูปลักษณ์ที่ดูมีคุณภาพอยู่
โดยการทำให้เมล็ดกาแฟเหล่านั้นแห้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อกลิ่นหรือรสชาติของกาแฟดีขึ้นด้วย
ในปี ค.ศ. ๑๘๐๐ ชาวอเมริกันได้คิดค้นเครื่องบด
มาช่วยบดเมล็ดกาแฟที่แห้งแล้ว ให้กลายเป็นผงกาแฟ
ทำให้ผงกาแฟในช่วงแรกยังมีลักษณะหยาบและจะมีการเหลือผงกาแฟไว้บางส่วนไว้ใส่ลงในกาแฟ
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะใช้วิธีการชงแบบเดียวกับชาที่จะใส่ผงกาแฟลงในน้ำโดยตรงและไม่ค่อยได้กรองกากออก
จนเมื่อถึงศตวรรษที่ ๑๙
เทคโนโลยีการปรุงกาแฟก็ได้มีการพัฒนาขึ้นมาก รวมถึงอุปกรณ์กรองและปรุงกาแฟแบบต่างๆ
ที่เริ่มเข้าสู่สหรัฐในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐ โดยเทคโนโลยีของอุปกรณ์ ๒ อย่างหลังนี้ได้กลายเป็นพื้นฐานของเครื่องปรุงกาแฟแบบเอสเปรสโซในปัจจุบัน
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม
TEL : 081-8367-826